Monday, March 19, 2012

แนวทางการติดตาม ผู้ป่วย adult ALL ในระยะ remission

การติดตามผู้ป่วยหลังหยุดเคมีบำบัด

1. ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ให้ความสนใจกับ

- General appearance
- Lymph node
- Liver & spleen
- Eye ground (ดู papilloedema)
- CBC, Platelet count (ทำทุก 1-3 เดือนเป็นเวลา 2 ปี หลังจากนั้นให้ติดตามทุก 3-6 เดือนจนครบ 5 ปี
   หลังจากนั้นติดตามทุก 1 ปี)
2. ไม่จำเป็นต้องเจาะไขกระดูกยกเว้น CBC ผิดปกติ

3. ไม่จำเป็นต้องทำ LP ยกเว้นมีอาการสงสัย CNS relapse
หมายเหตุ
1. การให้เคมีบำบัดในผู้ป่วยที่มี relapse หากผู้ป่วยสูงอายุหรือมีสภาวะที่ไม่เหมาะสม
    ต่อการให้เคมีบำบัด ซ้ำอาจพิจารณาให้เป็น supportive care อย่างเดียวได้

2. ผู้ป่วยที่มี relapse หลังจากอยู่ในภาวะ complete remission มานานกว่า 1 ปีมีโอกาสที่
    จะตอบสนองดีต่อการรักษาใน regimen เดิม แต่เมื่อได้ CR ครั้งที่ 2 ควรพิจารณา ทำ allogeneic SCT
   ในรายที่มีผู้ให้ไขกระดูกที่เหมาะสมและสามารถทำได้ ในรายที่ไม่สามารถให้ได้ควรให้ consolidation
    therapy ด้วย intensive high dose chemotherapy

แนวทางการรักษาผู้ป่วย adult ALL ช่วง post remission therapy

1. Risk group แบ่งตามเกณฑ์
2. conventional dose chemotherapy เช่น GMALL 84/02 , CALGB 8811 regimen
Intensive chemotherapy เช่น MDACC-Hyper-CVAD, CODOX-M/IVAC, GIMEMA ALL 0288 regimen (รายละเอียดดูใน regimen chemotherapy)
3. Maintenance therapy dose
  •    6-MP 60 mg/m2 daily
  •    MTX 20 mg/m2 weekly
  •    Vincristine 2 mg IV
  •    Prednisolone 40 mg/m2 oral x 7 days
  •    MTX intra-thecal 15 mg. every 3 months
4. KPS ไม่ดี หมายถึงผู้ป่วยที่ Karnofsky score น้อยกว่า 80 หรือ ECOG grade มากกว่า 2
Maintenance phase
 
 

ขณะนี้ยังไม่มี randomized studies ใน precursor-B-ALL ที่แสดงประโยชน์ของ
การให้ maintenance therapy แต่มีการศึกษาที่พบว่าถ้าไม่ให้ maintenance หลังจากได้ consolidation
จะได้ผลไม่ดีเท่า historical control ทั้งนี้การให้ยานานกว่า 3 ปีไม่ได้เพิ่ม survival จากการศึกษาของ CALGB study 8513 ซึ่งให้การรักษานาน 28 เดือน พบว่า ระยะเวลาเฉลี่ยของโรคสงบเท่ากัน 10-12 เดือนซึ่งสั้นกว่า 30 เดือนจากการศึกษา CALGB study 8011 ซึ่งใช้ยานาน 3 ปี

นอกจากนี้ข้อมูลจากการศึกษาผู้ป่วย 336 รายใน ECOG 2483 และ 3486 ซึ่งใช้ consolidation ค่อนข้างมากเป็นระยะ 12 เดือน พบว่าค่าเฉลี่ยของ DFS เพียง 9-11 เดือน ผลที่ไม่ดีคาดว่าเกิดจากการที่ผู้ป่วยไม่ได้รับ maintenance therapy เป็น ระยะยาว
ในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่แสดงให้ทราบถึงระยะเวลารวมทั้งรูปแบบของยาที่เหมาะสมที่จะใช้เป็นmaintenance therapy ในผู้ใหญ่ เนื่องจากยังไม่ทราบแน่ชัดถึงกลไกการขจัดเซลล์มะเร็งในระยะนี้ เชื่อว่าการให้ยานานโดยเฉพาะอย่างยิ่ง anti-metabolites จะช่วยกำจัดเซลล์ที่ดื้อยาที่อาจแบ่งตัวนานๆครั้ง
การให้ยานานอาจช่วยระบบ immune response กดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งจนกว่าจะเกิด apoptosis
หรือ senescence ตามมา ส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้ 6-MP ทุกวันร่วมกับ MTX ทุกสัปดาห์เป็น maintenance therapy ร่วมกับการให้ pulse vincristine กับ prednisolone ทุกเดือน แนะนำให้ให้ยาเป็นเวลา 2 ปี (category recommendation 2A ) ยกเว้นใน mature B-cell ALL ที่ได้รับ short term intensive chemotherapy ไม่แนะนำให้ maintenance therapy เนื่องจากไม่ได้ประโยชน์เพิ่มเติม
(category recommendation 2A )